ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา วงการแฟชั่นไทยกำลังเปลี่ยนโฉมหน้าสู่ช่วงเวลาใหม่ที่เรียกว่า ยุคของการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้ง — ไม่ใช่แค่เรื่อง “สวย งาม” หรือ “แฟชั่นตามเทรนด์” แต่เป็นเรื่อง การสร้างสรรค์ ตัวตน แบรนด์ และเวทีที่เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้โลดแล่น ในบทความนี้ เราจะสำรวจทิศทางของวงการแฟชั่นในบ้านเรา โดยเฉพาะบทบาทของเวทีประกวดโมเดล และสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหลังในมิติของธุรกิจแฟชั่น
1. ทิศทางของวงการแฟชั่นไทย : โอกาส และ ความท้าทาย
ประเทศไทยมีความได้เปรียบหลายประการในฐานะศูนย์กลางแฟชั่นของภูมิภาค ทั้งในแง่ของทรัพยากรคน คนมีฝีมือด้านการผลิต ผ้าคุณภาพ และโครงสร้างอุตสาหกรรมที่เชิงลึก เช่น เครือข่ายสิ่งทอ เครื่องแต่งกาย และแบรนด์ที่เริ่มสร้างชื่อได้เอง อย่างไรก็ดี แม้จะมีศักยภาพสูง อุตสาหกรรมแฟชั่นไทยก็เผชิญกับความเปลี่ยนแปลงหนัก ได้แก่
- การแข่งขันจากประเทศที่แรงงานถูกกว่า หรือเทคโนโลยีครบกว่า เช่น จีน เวียดนาม อินเดีย
- พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนเร็ว ทั้งเรื่อง “เร็วไป-เร็วมา” ของแฟชั่น (fast fashion) และการมุ่งสู่ “ความยั่งยืน” (sustainability)
- แบรนด์ไทยที่ยังต้องพัฒนาแบรนด์ดิ้ง (branding) ให้ชัดเจน และย้ายจากการเป็นผู้ผลิต (OEM) สู่ผู้สร้างแบรนด์ (OBM)
ในภาพรวม จึงเป็นยุคที่ แบรนด์แฟชั่นไทยต้องคิดใหม่ – ไม่ใช่แค่ผลิตเยอะ แต่ผลิตให้มีคุณค่า ตรงตัวตน และขับเคลื่อนไปสู่เวทีโลก

2. เวทีโมเดล : พื้นที่สร้างโอกาส และสะท้อนภาพของแฟชั่นยุคใหม่
เมื่อแฟชั่นไม่ได้จำกัดอยู่แค่บนรันเวย์หรือแคตวอล์คอีกต่อไป แต่เป็น พื้นที่แห่งการสื่อสารตัวตน และโอกาสทางสังคม เวทีประกวดโมเดลจึงมีบทบาทที่มากกว่าการ “หาคนขึ้นโชว์”
- เวทีอย่าง SNAP THAILAND TOP MODEL 2025 (ซึ่งผู้เขียนบทความนี้อ้างอิงถึง) กลายเป็นการเปิดโอกาสให้หนุ่มสาวทุกเพศทุกวัย ได้แสดงศักยภาพด้านแฟชั่น บุคลิกภาพ และการเป็นตัวของตัวเอง
- นอกจากฝีมือการเดินแบบ หรือการถ่ายแบบแล้ว เวทีดังกล่าวยังสะท้อนการเปลี่ยนแปลงในแฟชั่นไทย — จาก “โมเดลต้องหุ่นเพรียวมาก” สู่ “ตัวตนมีเอกลักษณ์” และ “รูปลักษณ์หลากหลาย”
- สำหรับแบรนด์แฟชั่น และผู้จัดงานอีเวนต์ การทำเวทีโมเดลเป็นเหมือน “ช่องทางค้นหารูปแบบใหม่” และ “สร้างคอมมูนิตี้แฟชั่น” ที่มีพลังทางการตลาด
ด้วยเหตุนี้ เวทีโมเดลจึงเป็นอีกหนึ่ง “ตัวขับเคลื่อน” ที่เชื่อมโยงระหว่างธุรกิจแฟชั่น บุคลากรโมเดล และผู้ชม/ผู้บริโภคในยุคที่แฟชั่นมีบทบาทมากขึ้นในชีวิตประจำวัน

3. แฟชั่นยุคใหม่: มากกว่าเสื้อผ้า แต่คือ “ตัวตน และค่านิยม”
ในยุคนี้ เราจะเห็น 3 เทรนด์ใหญ่ที่กำลังเปลี่ยนเกมแฟชั่นไทย:
– ความยั่งยืน (Sustainability):
ผู้บริโภคเริ่มมองหาแบรนด์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ใช้วัสดุอย่างมีคุณภาพและโปร่งใสในกระบวนการผลิต แบรนด์ไทยจึงมีโอกาสในการใช้ทรัพยากรท้องถิ่น เช่น ผ้าไทย ไหม หรือการออกแบบที่เชื่อมโยงวัฒนธรรมไทย เข้ากับดีไซน์สากล
– เอกลักษณ์และหัตถศิลป์ (Craftsmanship & Identity):
ในระบบแฟชั่นโลก “quiet luxury” หรือความหรูที่ไม่ฉูดฉาด แต่ละเอียดในงานฝีมือ กลายเป็นเทรนด์ใหม่ แบรนด์ไทยที่สามารถนำเสนอ craftsmanship แบบผสมผสานวัฒนธรรมไทย และสร้างแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จะได้เปรียบ
แฟชั่นเป็นสื่อสังคม (Fashion as Social Statement):
แฟชั่นไม่ได้เป็นแค่การใส่เสื้อผ้า แต่กลายเป็น “ภาษาทางภาพ” ที่บอกตัวตน ความเชื่อ หรือสังคมของผู้สวมใส่
ในแวดวงโมเดลและเวทีแฟชั่น ผู้จัดมองเห็นว่ารูปร่าง เพศสภาพ หรือภูมิหลังไม่ใช่อุปสรรค แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการเล่าเรื่องที่มีพลัง
4. บทบาทของผู้จัดอีเวนต์ และเวทีโมเดลในยุคนี้
การจัดอีเวนต์ในวงการแฟชั่น ไม่ได้หมายถึงแค่โชว์เสื้อผ้าอีกต่อไป แต่คือการสร้างประสบการณ์ สร้างแบรนด์ และสร้างคอมมูนิตี้
- ผู้จัดอย่าง ผู้บริหารเจ้าของเวทีโมเดล ต้องมีความเข้าใจทั้งด้าน ธุรกิจแบรนด์แฟชั่น, การตลาด, การสร้างคอนเทนต์, และ บุคลิกภาพของคนบนเวที
- เวทีโมเดลจึงกลายเป็น “แพลตฟอร์มแนว ecosystem” ที่เชื่อมโยงโมเดล แบรนด์ ผู้จัด สื่อ และผู้ชม เข้าด้วยกัน
- สำหรับแบรนด์แฟชั่น การเข้าไปอยู่ในเวทีโมเดล หรืออีเวนต์แฟชั่นระดับประเทศ เป็นโอกาสที่สร้างการรับรู้ที่มากกว่าแค่วางขายสินค้า
เมื่อผู้จัดสามารถผสมผสานเรื่อง “แฟชั่น + ธุรกิจ + วัฒนธรรม + ค่านิยม” ได้สำเร็จ เวทีโมเดลหรือแฟชั่นโชว์นั้นจะไม่ใช่แค่การแสดงแฟชั่น แต่คือ เวทีของการเปลี่ยนแปลง


5. ทำไม “คุณวิว” ถึงเป็นตัวอย่างของผู้จัดยุคใหม่
ในบริบทของบทความนี้ เมื่อกล่าวถึงชื่อของ คุณ วิว วิวัตณ์ กาญศิริวัฒนกุล เราพบว่าเขามีองค์ประกอบครบทั้ง “ผู้จัด + ธุรกิจแฟชั่น + บุคลิกภาพ”
- เขาไม่ได้เริ่มจากธุรกิจแฟชั่นโดยตรง แต่อาศัยการเรียนรู้จากอีเวนต์ คอนเสิร์ต และแฟชั่น ก่อนจะสร้างเวทีโมเดล ซึ่งหมายถึงการทำงานข้างหลังให้เห็น และนำมาเป็นหน้าตา
- ตำแหน่ง CEO ของบริษัทที่ทำอีเวนต์ และการจัดเวทีโมเดล แสดงว่าเขามองเห็นโอกาสในพื้นที่ที่ “แฟชั่น + โมเดล + อีเวนต์” มาบรรจบกัน
- โดยเฉพาะเรื่อง “การให้โอกาส” กับคนรุ่นใหม่ ที่ไม่ได้มีแค่สรีระแบบดารา แต่มี “ตัวตน” และ “ความสามารถ” เป็นจุดขาย
ดังนั้น หากมองผ่านเลนส์แฟชั่น คุณวิวคือผู้จัดที่เข้าใจว่าปัจจุบันแฟชั่น “มากกว่าเสื้อผ้า” และเขากำลังสร้างพื้นที่ที่ให้คนรุ่นใหม่ได้ฉายแสง
6. ภาพอนาคต : เมื่อแฟชั่นไทยไปไกลกว่าแค่รันเวย์
หากเรามองไปข้างหน้า สิ่งที่น่าจับตาในวงการแฟชั่นไทยคือ :
- การที่แบรนด์ไทยจะไม่ใช่แค่ผลิตให้แบรนด์ต่างชาติ แต่จะสร้างแบรนด์ไทยขึ้นมาเอง จดจำได้ และส่งออกนานาชาติ
- เวทีโมเดลและแฟชั่นโชว์จะกลายเป็น แพลตฟอร์มสร้างสรรค์ ที่เชื่อมต่อกับลูกค้าโดยตรง และสร้างคอมมูนิตี้ แฟนคลับ และ แบรนด์แอมบาสเดอร์ของตัวเอง
- ความยั่งยืน และคุณค่าเชิงวัฒนธรรมจะกลายเป็นหัวใจของแฟชั่นไทย ไม่ใช่แค่เทรนด์แต่มาตรฐานใหม่
- ผู้จัดอีเวนต์โมเดลจะกลายเป็น ผู้สร้างโอกาส และ ผู้ชี้ ทางเดิน ให้กับคนที่อยากเข้ามาในวงการแฟชั่น ไม่ว่าจะเป็นโมเดล นักออกแบบ หรือแบรนด์
7. สรุป
โลกแฟชั่นไทยกำลังอยู่ในช่วง เปลี่ยนผ่านที่สำคัญ จากการผลิตจำนวน มาก ไปสู่การผลิตที่ ‘มีความหมาย’ จากการเป็นผู้ตาม ไปสู่การเป็นผู้สร้าง โลกยุคใหม่ของแฟชั่นคือการ “เล่าเรื่อง” “สร้างเอกลักษณ์” และ “กระตุ้นจิตสำนึก”
เวทีโมเดล อีเวนต์แฟชั่น และผู้จัดที่มีวิสัยทัศน์ อย่างคุณวิว จึงไม่ได้เป็นแค่ส่วนเติมเต็มของวงการแฟชั่น แต่เป็น ส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง ที่จะพาแฟชั่นไทยก้าวไป “ไกลกว่าแฟชั่น”







